วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

งานโชว์ไก่ประดู่หางดำเชียงใหม่๑ปะทะโคเนื้อโลไลแองกัสในงานสับประรดนางแล ภูแล ลิ้นจี่ และของดีเมืองเชียงราย

รมช.พาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เป็นประธานเปิดงานสับปะรดนางแล ภูแล และลิ้นจี่ ของดีเมืองเชียงราย ประจำปี 2556
รมช.พาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ เป็นประธานเปิดงานสับปะรดนางแล ภูแล และลิ้นจี่ ของดีเมืองเชียงราย ประจำปี 2556



การจัดงานวันสับปะรดนางแล ภูแล และลิ้นจี่ ของดีเมืองเชียงรายเพื่อส่งเสริมสร้างรายได้แก่ชาวสวนในวันที่ 24 พฤษภาคม – วันที่ 2 มิถุนายน 2556 นี้ที่บริเวณสวนไม้งามริมน้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย



นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสับปะรดนางแล ภูแล และลิ้นจี่ ของดีเมืองเชียงราย ประจำปี 2556 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 18.30น.ที่บริเวณสวนไม้งามริมน้ำกก ใกล้สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย โดยนางสลักจฤฎดิ์(สลักจิต) ติยะไพรัช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ เทศบาลตำบลบ้านดู่ เทศบาลตำบลนางแล เทศบาลตำบลท่าสุด สมาคมชาวสวนลิ่นจี่ และชมรมชาวสวนสับปะรดจังหวัดเชียงราย จัดงานวันสับปะรดนางแล ภูแล และลิ้นจี่ ของดีเมืองเชียงราย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม2556 – วันที่ 2 มิถุนายน 2556 นี้รวมการจัดงาน 10 วัน 10 คืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปรู้จักสับปะรดพันธุ์นางแล พันธุ์ภูแลของดีเมืองเชียงราย ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และด้านการตลาดให้กับเกษตรกรชาวสวน ผู้ปลูกสับปะรดและลิ้นจี่จังหวัดเชียงราย ภายในงานจัดประกวดผลผลิตทางการเกษตร สับปะรด ลิ้นจี่ กล้วยน้ำหว้า กล้วยหอม ฟักทอง ขนุน จัดการประกวดธิดาชาวสวน จัดประกวดแด๊นเซอร์ จัดประกวดรำวงย้อนยุค จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของดีจังหวัดเชียงรายและจำหน่ายสินค้าโอท็อปพร้อมการแสดงบนเวทีอีกด้วย
ในงานนี้สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้งได้เข้าร่วมกิจกรรมนำไก่ประดู่หางดำไปจำหน่ายและโชว์ให้เป็นที่รู้จักของเกษตรกรชาวเชียงรายให้มากยิ่งขึ้น  ส่วนสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายได้เชิญชมรมโคเนื้อเชียงราย คุณนเรศ รัศมีจันทร์ นำโคเนื้อพ่อพันธุ์โลว์ไลน์แองกัสมาโชว์ แนะนำให้เกษตรกรที่สนใจได้ชมอีกด้วย ตอนค่ำมีงานปิ้งย่างเนื้อโคขุนให้ได้ชิมอีกด้วย
รูปภาพ 
โคเนื้อพันธุ์ โลว์ไลน์แองกัส 
นายนเรศ รัศมีจันทร์ ผู้จัดการ “เชียงราย ฟาร์ม” ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 104 ไร่ ม.1 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย เปิดเผยว่าตนได้เริ่มตั้งเชียงรายฟาร์มมาตั้งแต่ปี 2548 จากการเลี้ยงวัวพันธุ์อเมริกันบราห์มัน เพื่อจำหน่ายลูกและน้ำเชื้อ แต่ในปัจจุบันได้แนวคิดใหม่ด้วยการนำเข้าพ่อวัวจากประเทศออสเตรเลีย โดยมีชื่อพันธุ์คือโลว์ไลน์ แองกัส ซึ่งเป็นวัวพันธุ์เนื้อที่มีอยู่ในประเทศไทยแค่ 5 ตัว แต่ที่เชียงรายฟาร์มมีจำนวน 2 ตัว น้ำหนักตัวละประมาณ 600 กิโลกรัม สาเหตุที่เลี้ยงพันธุ์นี้เพราะเป็นพันธุ์พิเศษที่ให้เนื้อกว่า 60-70% และมีซากหรือกระดูกน้อยมาก รวมทั้งเป็นพันธุ์ที่ใช้พื้นที่เลี้ยงน้อยกว่าโดย 1 ไร่สามารถเลี้ยงได้ถึง 6-8 ตัว เพราะเป็นวัวพันธุ์ที่ไม่ค่อยเดินไปไหนไกลหรือชอบหากินในระยะใกล้ๆ ขณะที่พันธุ์อื่นๆ สามารถเลี้ยงได้เพียง 2 ตัวนายนเรศ กล่าวว่าที่ผ่านมาเชียงรายฟาร์มได้ประกอบกิจการส่วนใหญ่เกี่ยวกับวัวพันธุ์อเมริกันบราห์มัน แต่ต่อจากนี้จะเริ่มพัฒนาพันธุ์โลว์ไลน์ แองกัส ให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วคือการทดลองผสมระหว่างพ่อพันธุ์โลว์ไลน์ แองกัส กับพันธุ์พื้นเมืองคือพันธุ์ กำแพงแสน ซึ่งพบว่าได้ลูกพันธุ์ที่ขายาวขึ้นแต่ก็ให้ปริมาณเนื้อที่ใกล้เคียงกัน จึงถือว่าพันธุ์นี้สามารถใช้เพื่อธุรกิจเนื้อได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นเชียงรายฟาร์มจึงจะมีการส่งเสริมการใช้น้ำเชื้อวัวโลว์ไลน์ แองกัส ผสมกับวัวพื้นฐานของเกษตรกรใน จ.เชียงราย เพื่อเพิ่มมูลค่าของวัวซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น รวมทั้งจะรับซื้อวัวลูกผสมทุกตัวที่เกิดจากพ่อพันธุ์โลวไลน์ แองกัส ในราคาประกันคือ กิโลกรัมละ 75 บาท ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ซึ่งถือว่าได้ราคาแพงกว่าวัวพันธุ์ทั่วไปในประเทศไทย”เป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้างแบรนด์เนื้อชั้นดีจากเชียงรายฟาร์มให้เป็นสินค้าประจำ จ.เชียงราย โดยเป็นเนื้อของลูกผสมโลว์ไลน์แองกัส และมีร้านจำหน่ายโดยเฉพาะ และยังมีเป้าหมายที่จะสร้างเป็นโรงเชือดแบบมาตรฐาน โดยนำวัวจากเชียงรายฟาร์มไปชำแหละ ซึ่งคาดหมายว่าโครงการจะสำเร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันได้นำพ่อพันธุ์โลว์ไลน์ แองกัส เข้ามาและได้ผสมลูกรุ่นแรกได้แล้ว” นายนเรศ กล่าว และว่าเชียงรายฟาร์มจะทำการเพาะพันธุ์ผสมโลว์ไลน์ แองกัส และพันธุ์พื้นเมืองกำแพงแสนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพยายามส่งเสริมเครือข่ายเกษตรกรให้สามารถเข้าไปรับน้ำเชื้อไปเพาะได้ฟรีแต่ต้องมีข้อตกลงกรณีให้ลูกพันธุ์ผสมในการจำหน่ายคืนให้กับฟาร์ม หรือเข้าไปศึกษาข้อมูลเพื่อการเลี้ยงลูกผสมโลว์ไลน์ แองกัส เพื่อร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์เนื้อป้อนตลาดโดยเฉพาะตลาดเกี่ยวกับร้านสเต็คและอื่นๆ ต่อไปการเลี้ยงลูกวัวพันธุ์ผสมโลว์ไลน์ แองกัส ถือว่ามีอนาคตที่ดีเพราะตามปกติวัวไทยทั่วไปเมื่อขุนจนมีอายุได้ประมาณ 1 ปี จะให้ราคาตัวละประมาณ 6,000 บาท แต่ถ้าเป็นโลว์โลน์ แองกัส จะให้ราคาสูงถึง 8,000-10,000 บาท หรือถ้าเทียบพันธุ์แท้ของอเมริกันบราห์มันอายุ 1 ปีราคาตัวละ 30,000-40,000 บาท แต่ถ้าเป็นพันธุ์แท้โลว์ไลน์ แองกัส จะสูงถึงตัวละกว่า 400,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนน้ำเชื้อก็สามารถเป็นธุรกิจที่ดีเช่นกันโดยพันธุ์โลว์ไลน์ แองกัส ขายขวดละประมาณ 300 บาท แต่อเมริกันบราห์มันจะอยู่ที่ขวดละ 200-300 บาท
ลักษณะของโคเนื้อโลว์ไลน์แองกัส ของเชียงรายฟาร์ม
การจัดนิทรรศการไก่ประดู่หางดำ และจัดจำหน่ายพันธุ์ไก่ประดู่หางดำ
เสียดายฝนตกลมแรงทำให้ไม่สามารถโชว์ไก่ประดู่ได้ตลอดงาน
รูปภาพ

นายวิทยา จินตนาวัฒน์ปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายมาเยี่ยมชมโคเนื้อและชิมเนื้อย่าง

ลักษณะเนื้อของโลวไลน์แองกัสที่มีกระดูกเล็กมาก
นายนเรศ รัศมีจันทร์ ลงมือยั่างและปรุงรสเอง และมีครอบครัวมาร่วมชิมด้วยกันอย่างอบอุ่น ไม่ขายแต่ให้ชิม


สับประรดที่ชนะการประกวดและบรรยากาศบริเวณงาน


ไม่มีความคิดเห็น: