วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เที่ยวมอสโควันแรกไปไหนบ้าง?

 สถานีรถไฟใต้ดิน









สถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโค (Moscow Metro Stations) ถือได้ว่าเป็นระบบขนส่งรถไฟฟ้าใต้ดินที่ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังถือได้ว่ารถไฟฟ้าใต้ดินมอสโคเป็นระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลก ด้วยความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมการตกแต่งภายในสถานี ความสวยงามของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงแรกสุดที่สตาลิน ขึ้นมาเป็นผู้นำสหภาพโซเวียต

ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก และการสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จึงทำให้กรุงมอสโค ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาประเทศนั้นขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้อัตราการอพยพย้ายถิ่นฐานของประชากรจากทั่วประเทศเข้ามาสู่เมืองที่เป็นศูนย์กลางการผลิต อุตสาหกรรมหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมไปสู่สังคมกรรมาชีพอย่างเต็มขั้น

สถานีที่สร้างขึ้นในระยะเริ่มแรกนั้นถือเป็นสถานีที่มีโครงสร้างต้นแบบของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมอสโคทั้งหมด ลักษณะทางสถาปัตยกรรมนั้นจะเน้นที่ความสวยงามแต่เรียบง่าย เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีที่ทำให้สถานีมีความโปร่งโล่งสบายตา ทั้งนี้เพื่อทำให้ผู้โดยสารไม่รู้สึกว่ากำลังอยู่ในสถานที่ที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินให้มีความแตกต่างไปจากระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่ปรากฏในประเทศทุนนิยมตะวันตกอื่นๆ พัฒนาการต่อมาของการตกแต่งภายในสถานีคือการนำรูปปั้นสำริดขนาดเท่าตัวบุคคลจริง มาประดับตกแต่งภายใน รวมทั้งการประดับลวดลายแบบโมเสก ได้ถูกนำมาเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

พัฒนาการขั้นสูงสุดของสถาปัตยกรรมภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมอสโค ก็คือกลุ่มสถานีถูกสร้างขึ้นภายหลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง สถาปัตยกรรมที่ปรากฏภายในกลุ่มสถานีนี้คือการสะท้อนถึงเหตุการณ์การรวมชาติโซเวียตและเป็นการนำรูปแบบของสถาปัตยกรรมจากอารยธรรมโบราณที่แสดงถึงความเจริญทางศิลปะวิทยาการมาเป็นสื่อสะท้อนถึงชัยชนะและความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียต

การสร้างแสงสว่างภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินมอสโคนั้น ยังมีนัยทีสื่อถึงความหมายทางการเมือง คือ เพื่อเป็นการตัดความสัมพันธ์ในเชิงเวลาออกไปเมื่อกำลังเดินทางด้วย รถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะภายในสถานีรถไฟนั้นให้แสงสว่างประหนึ่งว่าเป็นเวลากลางวัน เป็นการสื่อถึงความหมายว่า ประชาชนโซเวียตทุกคนอยู่ภายใต้แสงสว่างที่ไม่มีวันดับสลาย และเป็นแสงสว่างแห่งเดียวกัน นั้นคือแสงสว่างแห่งความก้าวหน้าและชัยชนะของระบบสังคมนิยมนั้นเอง ความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมภายในสถานีเปรียบได้กับประชาชน หลากหลายชาติพันธ์แต่มารวมอยู่ในที่แห่งเดียวกันคือ สหภาพโซเวียต ซึ่งก็เปรียบได้กับเป็นแสงสว่างที่ไม่มีวันดับสลาย


 

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สามทหารเสือจากกว่างโจวมุ่งสู่มอสโค

 เช้าวันที่ 21 ตุลาคม 2561 ตื่นนอนที่ห้องพักโรงแรมเวียนนา( เหม็นกลิ่นบุหรี่มากๆเลยครับ) เมืองกวางโจว ลงมากินอาหารเช้าของโรงแรม จากนั้นเก็บสัมภาระเดินทางต่อไปที่สนามบินกวางโจวเพื่อเดินทางต่อไปมอสโก
บริเวณข้างโรงแรม กวางโจว นอกจากจะเห็นตึกแฟลตมากมายก็ยังเห็น บริเวณสีเขียวที่เขาปลูก ผักสวนครัว นับว่าคนจีนขยันมาก กวางโจวเป็นเมืองที่มีบทบาท ทางเศรษฐกิจการค้า มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็นหนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีนอีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีผลผลิตโดยรวมมากที่สุดด้วย

อาหารเช้า ที่โรงแรมจัดไว้ให้มีหลากหลาย เมนูอาหารเตรียม จีน ล้วนๆ อน่อยไหมดูหย้าคนทานนะครับ555
ป้าเอาข้าห่อที่ตักมากินไม่หมดมาใส่จานเราด้วยจะกินหมดเหรอนี่

ลืมบอกไปว่ามีสิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับผมก็คือ ต่างแดนที่จีนห้องน้ำเขาไม่มีฝักบัวล้างก้นนะครับเขามีแต่กระดาษทิชชูไว้เช็ดก้นอย่างเดียว ต้องปรับตัวกันนิดหน่อย สำหรับผมคนบ้านนอกบ้านนา ที่ใช้ทั้งไม้ และกระดาษมาแล้ว ไม่มีปัญหา แต่เพื่อนไฮโซคนในเมืองของผม รู้สึกไม่มั่นใจในความสะอาด ถึงขั้นต้องไปใช้ฝักบัวอาบน้ำมาล้างก้น ฟังดูแล้วก็ขำดี
อิ่มแล้วเดินทางต่อครับ
ระหว่างขึ้นรถทัวร์เพื่อเดินทางไปสนามบินสังเกตเห็นได้ว่ามีคนมากมายอยู่ที่หน้าโรงแรมเป็นทางที่จะ ซื้อตั๋วเพื่อลงไปโดยสารรถไฟใต้ดิน
คนจีนพากันซื้อตั๋วเพื่อเดินทางทางรถไฟใต้ดิน


บริเวณสนามบินกวางโจว เวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง ก็ออกเดินทาง เช็คอินไปเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังมอสโคว์ประเทศรัสเซีย เครื่องออกเดินทางจริงๆเวลา 11:10 น วินลัดฟ้าสุมอสโกด้วยสายการบินแอร์โรพล้อต รัสเชียน แอร์ไลน์ ใช้เวลา 9 ชั่วโมง 50 นาทีก็คือ 10 ชั่วโมงนั่นเอง
พักรอขึ้นเครื่อง ชายน้อยหาน้ำไปทานบนเครื่อง
ขึ้นเครื่องแล้วลำใหญ่มโหฬารนั่งได้กว่า 300 คน
ห้องโดยสาร 1 ห้องมี 60 คน แถว 1 มี 10 เบาะนั่ง มีทางเดิน 2 ทาง มีห้องน้ำระหว่าง ล็อค 2 ห้อง
อาหารที่มาเสิร์ฟบนเครื่องทั้ง 2 มื้อก็จะเป็นพวก ไก่ป่า หมู พร้อมด้วยขนมปัง
ประเภทเครื่องดื่มก็จะมีน้ำ น้ำผลไม้ไวน์เบียร์เสิร์ฟตลอด
ถึงแล้วสนามบิน ชื่อ เซเรเมเยโว่ ที่มอสโค ต้องเดินทางต่อไปในเมืองอีก เกือบ 1 ชั่วโมง

กดชัตเตอร์เก็บภาพครั้งแรกที่รัสเชียแล้วนะครับ


กระเป๋ามาครบปลอดภัยไม่หายไปไหน
ถึงแล้วสามสหายก็บันทึกไว้เสียหน่อย มีภาพสวยๆระหว่างทางเดินจาก ชานชาลาเครื่องบินมายังที่รอรับกระเป๋า
เรื่มชนแล้วผม

ปรับเปลี่ยนเวลากันเพราะว่าที่มอสโกช้ากว่ากรุงเทพฯ 4 ชั่วโมง

ผู้คนรัสเซียชอบสูบบุหรี่กันเป็นล่ามเป็นสั่นดูจากก้นบุหรี่


ยิ้มเท่ ทำท่าไม่หนาวจริงๆเย็นเอาเรื่องนอกอาคาร
ขึ้นเครื่องจากจีนเช้ามาถึงมอสโกเย็นแล้ว ตะวันกำลังโพล้เพล้จะรับขอบฟ้า
ตะวันยามเย็นสวยทีเดียว
ป้ายสนามบิน
ระหว่างทางจากสนามบินเข้าสู่เมืองไกด์พาเราไปทานอาหารก่อนมื้อแรกเป็นอาหารจีน ไปถึงบริเวณร้านก็งงๆเพราะว่ามีแต่อาคารสีแดงแต่ไม่เห็นมีร้านอาหาร พอไกด์พานำเข้าอาคารก็ยังงงอีกเพราะว่าไม่มีอาหารแต่ไกลพาเดินลงชั้นใต้ดินปรากฏว่าสว่างไสวเป็นร้านอาหารจีนที่อยู่ใต้ดินนี่เป็นครั้งแรกของผมเลยครับ

ระหว่างทางสนามบินเข้าเมือง มีแสงสวยๆของยามเย็น
ไกด์พามารับประทานอาหารจีนมื้อแรกในรัสเชีย
หลังจากทานข้าวอิ่มผมก็ไปมองหาไวน์ที่อยู่บนเคาน์เตอร์เห็นมีแก้วและให้เพื่อนช่วยถ่ายเพื่อจะได้ติดรูปสาวรัสเซียปรากฏว่าไกด์ เข้ามาเตือนว่าที่นี่เขาไม่ให้ถ่ายรูปกัน

อากาศนอกอาคารหนาวมากน่าจะแตะอยู่ที่ 2 หรือ 3 องศา เพื่อนก็เลยลองทดสอบ หมอกควัน จาก ปาก



งวดหน้าน่าจะออกเลขนี้นะครับ เพื่อนๆที่ชอบเลขเด็ด จัดไป
ชมตึกสวยงามที่ประดับประดาด้วยไฟในเมืองมอสโกครับ


ถึงโรงแรมแล้วก็เช็ค กุญแจห้อง ตามลำดับ พวกเราสามสหายได้นอนห้องเดียวกันผมเองตัวเล็กก็ใช้เตียงเด็กครับ เราจะต้องนอนกันที่นี่ 1 คืน พรุ่งนี้ก็หอบหิ้วกระเป๋า เดินทางต่อไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์กครับ แล้วพบกันใหม่ตอนเที่ยวมอสโกวันแรก

 ผมกับชายน้อยมาแลกดอลล่าเป็นรูเบิ้ลของรัสเชียเตรียมไว้จ่ายเพราะที่รัสเชียจะใช้บัตรเครดิตกันเป็นส่วนใหญ่ เราต้องเงินสดชัวร์คนละห้าพันรูเบิลน่าจะพอ