วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ตรวจประเมินฟาร์มสุกรเพื่อนำเข้าเลี้ยงใหม่
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ทีมงานสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายนำโดยนายสัตวแพทย์ภานุวัฒน์ ราชคม กลุ่มพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทชีพี ปฏิบัติงานตรวจประเมินฟาร์มสุกรเพื่อนำเข้าเลี้ยงใหม่จำนวน 2 ฟาร์ม ที่บ้านเด่นสันทราย ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย มีนายสุพล ปานพาน ปศุสัตว์อำเภอเวียงงเชียงรุ้งร่วมด้วย
"สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้งตรวจเยี่ยมติดตามผู้ประกอบการร้านขายอาหารสัตว์"
เมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง และสำนักงานประมงอำเภอเวียงเชียงรุ้งโดยนายสุพล ปานพาน ปศุสัตว์อำเภอ นายจิระพัฒน์ สัมมะวัฒนา ประมงอำเภอ พร้อมกับทีมงาน เจ้าหน้าที่บริการช่วยงานด้านสัตวแพทย์ ออกตรวจเยี่ยมติดตามร้านขายอาหารสัตว์ ประจำปีงบประมาณ 2565 พร้อมส่งมอบใบอนุญาตขายอาหารสัตว์ควบคุมเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 เพื่อให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ในเขตพื้นที่ 3 ตำบล รวมจำนวน 28 แห่ง โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการในพื้นที่เป็นอย่างดี
วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
“ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมนมโรงเรียน ตำบลป่าซาง ”
วันที่ 5 พศจิกายน 2564 นายสุพล ปานพาน ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง มอบหมายให้นางสาวสุภิชญา นัยติ๊บ ผู้ช่วยงานด้านสัตวแพทย์ และนางยุพา คำสมุด จ้างเหมาด้านการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคระบาดสัตว์ ตรวจเยี่ยมนมโรงเรียน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียน บ้านห้วยห้าง หมู่7 ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงรายจำนวน นักเรียนที่ได้รับนมโรงเรียน จำนวน 66 คน และโรงเรียน บ้านหมากเอียก หมู่ 14 ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย จำนวนนักเรียนที่ได้รับนมโรงเรียน จำนวน 101 คน นมที่ได้รับเป็นนมกล่อง UHT จึงไม่มีปัญหาด้านการจัดเก็บเรื่องความเย็น จากการตรวจเยี่ยมได้ทำการตรวจสอบคุณภาพของนมเบื้องต้น เช่น สี กลิ่น ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างไร ได้รับการต้อนรับและประสานงานจากเจ้าหน้าที่โรงเรียนทั้งสองแห่งเป็นอย่างดี
ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
“ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ลงพื้นที่ทำวัคซีน โรคปากและเท้าเปื่อย ในแพะ ”
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 นายสุพล ปานพาน ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง มอบหมายให้นายจันทร์ รักลีน เจ้าพนักงานสัตวบาลและนางสาวสุภิชญา นัยติ๊บ ผู้ช่วยงานด้านสัตวแพทย์ ทำการลงพื้นที่ทำวัคซีน โรคปากและเท้าเปื่อยใน แพะ ของมาลาฟาร์ม หมู่ 3 ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับการรับรองฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมชนิดแพะ (GFM) จำนวนแพะทั้งหมด 36 ตัว ได้ทำการตรวจสุขภาพแพะก่อนทำวัคซีน แนะนำการทำวัคซีนตามตาราง การถ่ายพยาธิ การบันทึกข้อมุล การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ การจัดการสุขาภิบาลโรงเรือน ตลอดถึงแปลงหญ้าที่เป็นแหล่งอาหารของแพะ หลักจากการทำวัคซีน ได้สังเกตอาการของแพะไม่พบอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด
ข่าวประชาสัมพันธ์ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
“ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ลงพื้นที่ทำวัคซีน โรคปากและเท้าเปื่อย และประชาสัมพันธ์โรคลัมปีสกิน ในพื้นที่ ดงมหาวัน ”
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 นายสุพล ปานพาน ปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง มอบหมายให้นายจันทร์ รักลีน เจ้าพนักงานสัตวบาลและนางสาวสุภิชญา นัยติ๊บ ผู้ช่วยงานด้านสัตวแพทย์ ทำการลงพื้นที่ทำวัคซีน โรคปากและเท้าเปื่อยใน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้เรื่องโรคลัมปีสกิน ในพื้นที่ หมู่ 6 บ้านป่าตึง ตำบลดงมหาวัน อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย จำนวนโค 13 ตัว เกษตรกรจำนวน 2 ราย การจัดการโรงเรือน แนะนำให้ทำการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และเฝ้าระวังโรคลัมปีสกิน โรคปากและเท้าเปื่อย หากพบสัตว์ป่วยผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอทันทีหลังจากได้ทำวัคซีน ได้สังเกตอาการของโค ไม่พบอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด
วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
ว่าด้วยกลุ่มดีเด่นด้านปศุสัตว์ของอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
ระดับจังหวัด/ระดับเขต/ระดับชาติ
ประจำปี 2565
·
ชื่อกลุ่ม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงกระบือเพื่อการอนุรักษ์บ้านโป่ง
·
จัดตั้งกลุ่มเมื่อวันที่ 21 เดือน เมษายน พ.ศ. 2558
รวม 7 ปี
·
ขึ้นทะเบียนกลุ่มกับกรมปศุสัตว์ วันที่ 5
เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2559
·
เลขทะเบียนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ของกรมปศุสัตว์ 59-5-57-14-2-5984
·
ขึ้นทะเบียนกลุ่มกับหน่วยงานอื่น (โปรดระบุหน่วยงาน)
(ไม่มี)
·
เลขทะเบียนกลุ่มกับหน่วยงานอื่น (ไม่มี)
·
สมาชิกเริ่มจัดตั้ง จำนวน 17 คน สมาชิกปัจจุบัน จำนวน 17 คน
·
ชนิดปศุสัตว์ของกลุ่มที่เลี้ยง
1.
กระบือ มีจำนวน 173 ตัว ปัจจุบันกระบือมีทั้งหมด
จำนวน 173
ตัวแยกเป็น เพศเมีย จำนวน 129 ตัว เพศผู้ 44 ตัว
·
อาชีพหลักของสมาชิก ทำนา ทำสวน
·
อาชีพเสริมของสมาชิก เลี้ยงกระบือ , ค้าขาย
·
อาชีพที่สร้างรายได้หลักให้สมาชิกมากที่สุด ทำนา
·
ชื่อประธานกลุ่ม นายเฉลิม สุขเกษม โทรศัพท์
08-7728-4639
·
ที่ทำการกลุ่มเลขที่ 51 หมู่ที่ 15 บ้านโป่งพัฒนา ตำบลทุ่งก่อ อำเภอ
เวียงเชียงรุ้ง จังหวัด
เชียงราย โทรศัพท์ 08-7728-4639
·
ผลงานดีเด่น รวม 5
กิจกรรม (ทุกกิจกรรมต้องบรรยายสรุปพร้อมภาพประกอบ)
1.
กิจกรรมความคิดริเริ่ม
เนื่องด้วยนายเฉลิม
สุขเกษม ประธานกลุ่มเคยเป็นอาสาปศุสัตว์ที่มีหัวก้าวหน้าเคยรวมกลุ่มอาสาปศุสัตว์ประจำตำบล
และระดับอำเภอมาแล้ว เคยได้รับคัดเลือกเป็นอาสาปศุสัตว์ดีเด่นของอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
เมื่อทราบข่าวการอนุรักษ์กระบือโดยการสนับสนับสนุนจากกรมปศุสัตว์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
จึงรวบรวมสมาชิกในหมู่บ้านที่เลี้ยงกระบือมาตั้งกลุ่มจนทำให้กลุ่มสามารถจบโครงการอนุรักษ์รอบแรกได้อย่างดี
โดยใช้ตลาดนำมีร้านขายเนื้อโค กระบือของกลุ่ม
กลุ่มฯ
มีการจัดทำทะเบียนประวัติสัตว์ของกลุ่มฯไว้เป็นรูปเล่มที่สัมพันธ์กับทะเบียนประวัติสัตว์ของสำนักงานปศุสัตว์เภอเวียงเชียงรุ้ง
ซึ่งประกอบด้วยชื่อ-สกุล ของสมาชิกแต่ละรายพร้อมรูปภาพประกอบ หมายเลขบัตรประจำตัว
หมายเลขสัญญายืมกระบือ ที่อยู่ มูลค่ากระบือที่ยืม วันรับมอบกระบือ วันครบสัญญายืม
พิกัด GPS ฟาร์ม
หมายเลขโทรศัพท์ของสมาชิกผู้ยืม หมายเลขประจำตัวกระบือที่ยืมพร้อมรูปถ่าย ประวัติการทำวัคซีนหรือถ่ายพยาธิ
รวมทั้งวันเกิดลูกกระบือตัวที่ 1 พร้อมภาพถ่าย และมีการประชุมกลุ่มฯเป็นประจำทุกเดือน
เพื่อปรึกษาหารือระบบการเลี้ยง แนวทางการพัฒนากลุ่ม การออม การควบคุมป้องกันโรค
การเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งมีการบันทึกการประชุมทุกครั้ง
กลุ่มฯ
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของกลุ่มตั้งแต่เริ่มก่อตั้งและเมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจึงเข้าร่วมโครงการ
ธคก. โดยมีนายเฉลิม สุขเกษม เป็นประธานฯ นายสมบัติ วันดี เป็นรองประธาน
และมีคณะกรรมการฝ่ายต่างๆประกอบด้วย ฝ่ายเลขาฯ เหรัญญิก ประชาสัมพันธ์
และคณะกรรมการอีก 15 คน รวมคณะกรรมการทั้งหมด 17 คน
ดำเนินกิจกรรมของกลุ่มโดยยึดหลักประชาธิปไตยใช้เสียงส่วนมากในการดำเนินการต่างๆกลุ่มฯมีการจัดทำระเบียบข้อบังคับต่างๆของกลุ่มฯขึ้นมาเพื่อให้สมาชิกฯทุกคนปฏิบัติโดยยึดหลัก
ร่วมคิด ร่วมทำ
ร่วมรับผลประโยชน์มีการจัดตั้งกองทุนสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อให้สมาชิกฯทุกคนได้ออมทรัพย์ โดยยึดหลัก ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด เก็บออม
และมีคุณธรรม มีการจัดทำสมุดเงินฝากสำหรับสมาชิกฯเป็นรายบุคคล ซึ่งเงินออมดังกล่าวได้นำมาใช้ในกิจกรรมของกลุ่มและให้สมาชิกกลุ่มกู้เพื่อลงทุนปรับปรุงฟาร์มหรือบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อครอบครัวประสบปัญหาสภาพคล่อง
โดยเปิดให้สมาชิกฯกู้ทั้งแบบกู้สามัญและฉุกเฉิน คิดดอกเบี้ยกับสมาชิกในอัตราต่ำ
ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในกลุ่มฯอย่างสม่ำเสมอ
โดยปัจจุบันมีเงินสดตามสมุดคุมเงินสดของกลุ่มฯ(ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2564) จำนวน 84,723 บาท
(แปดหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยยี่สิบสามบาทถ้วน)
2.
กิจกรรมความสามารถในการบริหารและการจัดการ
-
ดูการจัดการและเริ่มให้คำแนะนำการดูแลจากสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเวียงเชียงรุ้ง
จากเดิมกลุ่มได้รับ กระบือโครงการอนุรักษ์กระบือ จำนวน 20 ตัว สามารถต่อยอดการตลาดโดยมีร้านขายเนื้อของกลุ่มจัดการชำแระขายอาทิตย์ละ
2 วัน มีการออมของสมาชิกเดือนละ200บาทต่อราย
และมีการริเริ่มมี"ธนาคารขี้ควาย" และต่อมาทางสำนักงานปศุสัตว์อำเภอได้เห็นความสามัคคีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงสัตว์บ้านโป่งพัฒนา
จึงได้ยื่นเรื่องขอรับการสนับสนุน เครื่องอัดฟางจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย
เพื่อสร้างมูลค่าฟางข้าวที่เผาทิ้งมาเป็นอาหารสัตว์แก้ไขปัญหาหมอกควัน จากที่นาของสมาชิกและชุมชนในพื้นที่ไกล้เคียงกว่า4500ไร่ ลดต้นทุนด้านอาหารสำรองหน้าแล้งของโค กระบือรวมทั้งช่วยเสริมสร้างกลุ่มมีได้รายได้จากการขายฟางอัดฟ่อน
เพิ่มจากเดิม ด้วย
-
กลุ่มฯมีการจัดทำระเบียบข้อบังคับต่างๆของกลุ่มฯขึ้นมาเพื่อให้สมาชิกฯทุกคนปฏิบัติโดยยึดหลัก
ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์
3. กิจกรรมการมีบทบาทและมีส่วนร่วมของสมาชิก
3.1 การมีส่วนร่วมกับชุมชน หรือสำนักงานปศุสัตว์ฯ ได้รับเป็นวิทยาร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ เป็นตัวแทนในการอบรมอาสาปศุสัตว์ ด้านการทำวัคซีนในสัตว์ให้กับอาสา 3 ตำบล
3.2 สมาชิกได้รับกระบือจากโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ ในวันที่ 27 เมษายน 2561 จำนวนกระบือ 17 ตัว เกษตรกร 17 ราย (1 ราย/1 ตัว
4 .กิจกรรมด้านสาธารณะประโยชน์ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงสัตว์บ้านโป่ง ได้ร่วมกันนำฟางมาอัดก้อนเพื่อนำแบ่งปันสมาชิกในกลุ่ม ลดต้นทุนค่าใช่จ่าย สมาชิกพร้อมใจกันในการทำฟางอัดมาใช้ภายในกลุ่มสมาชิกให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพื่อลดการเผาฟาง ลดหมอกควันพิษในอากาศ นอกจากนั้นการมีธนาคารขี้ควายยังส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยที่ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค ทั้งยังสร้างรายได้อีกด้วย
เยี่ยมกลุ่มเลี้ยงไก่บ้านดงชัย
ชื่อกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมืองบ้านดงชัย
ที่ตั้งกลุ่ม บ้านดงชัย หมู่ 2 ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
1.ข้อมูลทั่วไป
1.1 สภาพพื้นที่ เป็นพื้นที่ราบระหว่างเชิงเขากับแม่น้ำกกและพื้นที่ทำนาในเขตชลประทาน
1.2 สภาพเกษตรกร เป็นคนพื้นเมืองที่อพยพมาจากจังหวัดลำพูนเมื่อ100กว่าปีมาแล้ว อาชีพหลักคือการกสิกรรม ทำสวน ทำไร่ ทำนา เช่น ปลูกข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง สับประรด ยางพารา ปาล์ม ลำไย และพืชผักสวนครัวตามฤดูกาล มีการใช้สารเคมีในการเกษตรจำนวนมาก ด้านปศุสัตว์มีการเลี้ยง ไก่พื้นเมือง ไก่ชน ไก่กระประดู่หางดำ(ที่เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาส่งเสริมไว้เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มฯ )ห่าน เป็ด ไก่งวง โคเนื้อ กระบือ ผลผลิตการเกษตรที่เกษตรกรปลูกเองสามารถนำมาทำอาหารสัตว์ได้ เช่นรำ ข้าว มันสัมปะหลัง ข้าวโพด ชื้อกันเองในชุมชนก็ไม่แพง ถูกกว่าที่ชื้อจากร้านค้า ทั้งหมู่บ้านและเป็นแหล่งท่องเที่ยว ดอยพระบาททุ่งก่อที่มีจุดชมวิวท้องทุ่งนาที่สวยงาม เป็นจุดรวมขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นสิ่งของOTOP ที่พัฒนาชุมชนสนับสนุน เช่น พันธุ์ข้าวสร้างรายได้สู่ชุมชนได้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปไก่นิลเวียงเชียงรุ้ง มีน้ำชลประทานที่มีมากพอใช้ทั้งปี ประชากรในหมู่บ้านมีความขยันทำมาหากินมีโรงเรียนวัดดงชัยเป็นแหล่งความรู้สอนพระเณรในพื้นที่อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ที่มีความสวยงามเป็นศูนย์รวมใจของชุมชน
สภาพการตลาด
การผลิตไก่พื้นเมืองของเกษตรกรในหมู่บ้านดงชัยจะเป็นการขายไก่เป็นให้พ่อค้าคนกลางนำไปเชือดขายและมีสมาชิกบางรายก็มีการเชือดเองในครัวเรือนแล้วนำไปขายตลาดชุมชน
พันธุ์ไก่ที่เลี้ยงส่วนใหญ่จะเป็นไก่ประดู่หางดำ ไก่พื้นเมืองทั่วไป แต่ไก่ประดู่หางดำพ่อค้าไม่ค่อยชื้อถ้าชื้อก็กดราคา
จึงปรับมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองก่อนการระบาดโควิด19 ไก่ที่เลี้ยงในชุมชนไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล(ห้วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม)มีความต้องการมากต้องหาซื้อจากต่างหมู่บ้าน
มาทำพิธีต่างๆ
ในหมู่บ้านมีพ่อค้าคนกลางรวบรวมไก่พื้นเมืองส่งขายชายแดน จุดผ่อนปรน อ.เวียงแก่นด้วย แต่ในช่วงเกิดโรคโควิด 19
พ่อค้าได้หยุดการรับซื้อไก่เนื่องจากจุดผ่อนปรนชายแดนปิด
สมาชิกบางคนก็เลิกผลิตขายเลี้ยงไว้เพียงพอกินในครอบครัว
อย่างไรก็ตามยังมีสถานที่คอกเล้าโรงเรือนที่ได้มาตรฐานสามารถนำลูกไก่จากเครือข่ายของนายสุรพงค์
มณีวรรณ อำเภอขุนตาลมาขุนได้ตลอด ขอเพียงตลาดมีความต้องการเพิ่ม
ชายแดนมีการเปิดขายตามปกติ
พืชอาหารสัตว์ในพื้นที่
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมืองบ้านดงชัย
มีพืชอาหาร ได้แก่ รำ ข้าว ปลายข้าว ข้าวเปลือก ข้าวโพด หยวกกล้วย มันสำประหลัง ปลูกเองทำให้ราคาถูกกว่าไปชื้อร้านค้าซึ่งราคา10ถึง12บาทต่อกิโลกรัม เศษวัสดุการเกษตรเช่นแตงกวาตกเกรด สับประรด ส่วนอาหารสำเร็จรูปต้องชื้อจากร้านค้า
สภาพปัญหาการเลี้ยง
ต้นทุนอาหารสำเร็จรูปแพง
การตลาดที่ไม่แน่นอน ขายไม่ได้ราคาที่เหมาะสม ทำให้การวางแผนเลี้ยงอย่างเป็นระบบทำได้ยาก
เป้าหมายการตลาด
สำหรับไก่พื้นเมือง สมาชิกกลุ่มมีการขุนขายเครือข่ายอำเภอขุนตาล
,ส่งพ่อค้าตลาดบ้านดู่ และพ่อค้าชายแดนเชียงแสน
ไก่พื้นเมือง
ยังมีเป้าหมายสำหรับเครือข่ายและช่วงเทศกาล จำนวนประมาณ 13,000 ตัว ต่อปี
พฤศจิกายนถึงมีนาคม |
ต้องการสูงประมาณไก่เป็น6000ตัว |
เมษายนถึงตุลาคม |
ความต้องการสูงประมาณไก่เป็น7000ตัว |
ระบบการเลี้ยงของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมืองบ้านดงชัย
เป็นแบบแม่ฟักธรรมชาติทั้งหมดและใช้ลูกไก่จากตู้ฟักเครือข่ายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง(นายประสงค์
อุ่นติ๊บ)และกลุ่มอำเภอขุนตาล (นายสุรพงค์ มณีวรรณ)
แผนพัฒนาต่อไปของกลุ่ม
คือสร้างความเข้มแข็งของการรวมกลุ่มสร้างแหล่งเรียนรู้จำนวน
5 รายเป็นต้นแบบ และสมาชิกอีก 10 ราย
เพื่อให้ได้ผลผลิตไก่พื้นเมืองที่ตลาดต้องการได้จำนวนสม่ำเสมอ ตอบสนองต่อลูกค้าได้ตลอดเวลา และไก่พื้นเมืองต้องการพัฒนาการเลี้ยงด้วยความรู้การจัดการอย่างเป็นระบบลดต้นทุน
ให้ไก่ตายน้อยจากโรค และมีการวางปฏิทินการผลิตให้เหมาะสมกับตลาด
สามารถมีไก่เพียงพอในช่วงเทศกาลประเพณีของแต่ละปี
สร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชนอีกอาชีพหนึ่ง เชื่อมโยงเครือข่ายตลาดทุกกลุ่มในเชียงราย
ทั้งชายแดนที่ส่งเมียนมาร์ ส่งสปป.ลาว
วางแผนทำผลิตภัณฑ์จากไก่ประดู่หางดำที่เป็นอัฒลักษณ์ของกลุ่มฯโดยใช้ฟาร์มที่มีความพร้อมจำนวน
3 ฟาร์ม ส่งกลุ่มแปรรูปของกลุ่มแม่บ้านเพื่อจำหน่ายที่ร้านค้าของศูนย์เรียนรู้ฯ
แหล่งท่องเที่ยว และร้านทั่วไป
การแก้ไขปัญหาของกลุ่มในช่วงโควิด
19
กลุ่มฯ มีการลดการเลี้ยงและหยุดบ้างในบางรายที่ไม่มีทุนจะซื้ออาหาร บางรายก็ใช้ข้าวโพด ข้าวเปลือก หยวกกล้วย เลี้ยงไว้พอประทัง ลดความเสี่ยงต่อการขาดทุนเลี้ยงเอาไว้กินในครัวเรือน เพราะรายได้ต่างๆ จากลูกหลานส่งมาให้ก็ไม่มี เนื่องจากตกงานล็อกดาวน์ การเกษตรสินค้าก้อราคาต่ำ